ดวงดีภาษีจับ
"ไม่มีคำว่าแพ้หากเราได้เริ่ม
ไม่มีคำว่าอยู่ที่เดิมหากเราได้ค้นหา
ไม่มีคำว่าเป็นที่หนึ่งหากยังต้องพึ่งพา
ไม่มีคำว่าดีกว่าหากว่าเราไม่ตั้งใจ"
อาจารย์ขาหนูมาขอคำปรึกษาค่ะ เรื่องของเรื่องคือหนูไปจับยามสามตามาแล้วพบว่า ถ้าปีหน้าไม่ยื่นแบบเสียภาษีเงินได้หนูจะดวงตกได้รับเคราะห์กรรมเป็นสัตว์สองเท้ามีเกณฑ์ต้องเสียภาษีเบี้ยปรับเงินเพิ่มหนักมาก หนูพยายามไปหาทางแก้กรรมปล่อยนกปล่อยปลาทำทุกอย่างแล้ว แต่ก็ยังไม่พ้นเคราะห์พ้นกรรม จนมาวันนึงนั่งดูลูกแก้วแล้วเห็นหน้าอาจารย์ ทำให้รู้ว่านี่ละเนื้อคู่ เอ๊ย..ผู้แก้กรรมของหนู
เรื่องของเรื่องคือหนูมีรายได้จากการเล่นไพ่ เอ๊ย..ดูไพ่ เพื่อวิเคราะห์ดวงชะตาของลูกค้า เพื่อให้คำแนะนำให้พ้นทุกข์ แต่หนูไม่ใช่เทพนาคราชที่ไปออกรายการพี่หนุ่มแล้วพูดไม่รู้ไม่รู้ เอ๊ย..พูดอะไรไม่รู้เรื่องนะคะ หนูดูดวงจนหนูรู้ว่าเงินที่หนูได้รับค่ายกเค้า แฮ่ ยกครู เป็นรายได้ตามมาตรา 40(2) ซึ่งต้องเสียใจเอ๊ย..เสียภาษีหนักมาก เพราะหักรายจ่ายแบบเหมาจ่ายได้อย่างเดียวแถมหักได้แค่ 50% ไม่เกิน 100,000 บาทหนูก็ไม่ว่ากัน ทำใจยอมเสียภาษีเผื่ออานิสงค์ผลบุญ จะทำให้คุณสรรพ์มองไม่เห็นเหมือนมีม่านบางตา ไม่รู้ว่าหนูแจ้งรายได้ไม่ครบถ้วน
นอกจากดูดวงหนูก็ยังจำหน่ายยันต์อาจารย์หนู ปีเซี๊ยะ ตะกรุด พระขรรค์ และอื่นๆ อีกมากมายเรียกว่าหนูมีอาวุธครบ ใครอยากได้ขรรค์มีขรรค์ อยากได้ขิกมีขิก อยากได้ไหมทองสำหรับร้อยหน้ามีครบ จะซื้อหน้าตำหนักหรือซื้อออนไลน์ หนูจัดให้ได้ทุกท่า รายได้ก้อนนี้เป็นผลพลอยได้มาจากการดูดวง แต่มันไม่ใช่การดูดวงเทียนที่หยดในขันน้ำมนต์ปรากฎเลข 8 ทำให้หนูเข้าใจในบัดดลว่าเป็นเงินได้มาตรา 40 (8) คนเดียวมีรายได้ 2 ประเภท หนูเลยเกิดสงสัยว่าเวลาเรายื่นภาษี เราต้องเอารายได้มารวมกัน แล้วคิดภาษีทีเดียวมั้ยคะ หรือว่ารายได้แต่ละอันคิดภาษีแยกกัน เวลาคิดภาษีไม่เอามารวมกัน
เงินได้มาตรา 40 (2)
หักรายจ่ายเป็นการเหมา
50 % ไม่เกิน 100,000
เงินได้มาตรา 40 (8)
หักรายจ่ายเป็นการเหมา 60% หรือ
หักรายจ่ายตามความจำเป็นและสมควร
จอดแล้วจรหรือแยกแล้วรวม คงจะพอนิยามออกมาเป็นคำตอบได้ เพราะเงินได้แต่ละประเภทหักรายจ่ายได้ไม่เท่ากัน เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับผู้เสียภาษีตาดำๆ เวลามีเงินได้หลายประเภท ก็ต้องแบ่งเป็นเงินได้แต่ละประเภทออกจากกัน แยกเป็นกองแยกเป็นส่วน เงินได้ประเภทไหนคุณสรรพ์กำหนดให้หักรายจ่ายได้เท่าไหร่ก็ทำตามนั้นห้ามหือห้ามอือ ถ้าไม่อยากมีตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ เอ๊ย..บอกเล่าเรื่องราวประกอบการประเมินภาษี เช่นเงินได้จากการเป็นหมอดู แม้จะเรียกว่าหมอ แต่ไม่ใช่วิชาชีพอิสระเหมือนนายแพทย์ประกอบโรคศิลปะ จึงไม่ใช้เงินได้มาตรา 40 (6) แต่การดูป๊อกเด้ง เอ๊ย..การเป็นหมอดูไพ่ยิบซีถือเป็นเงินได้มาตรา 40 (2) ก็ต้องแยกส่วนนี้มาหักรายจ่ายเป็นการเหมา 50% แต่ไม่เกิน 100,000 เหลือเท่าไหร่ตั้งพักไว้ก่อน
เงินได้จากการขาย souvenir แฮ่ เครื่องรางของขลังให้กับผู้รักและนิยมในสายมู ถือเป็นเงินได้มาตรา 40 (8) น้องหมอสามารถเลือกได้ว่า จะหักรายจ่ายเป็นการเหมา 60% โดยไม่ต้องมีหลักฐานพิสูจน์รายจ่าย หรือจะเลือกหักรายจ่ายตามความจำเป็นและสมควร แต่จะต้องมีหลักฐานพิสูจน์ว่าได้จ่ายไปจริงและเป็นรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าไม่ว่าจะเป็นใบเสร็จรับเงิน, หลักฐานการโอนเงิน ต้องมีให้ครบ ไม่อย่างนั้นดวงจะตกไปอยู่ที่ตาตุ่มได้
ยื่นแบบเสียภาษี
นำรายได้หลังหักรายจ่ายทุกประเภทมารวมกัน
หักค่าลดหย่อนตามที่กฎหมายกำหนด
คำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
มีเงินได้กี่ประเภท ก็ให้นำเงินได้หลังหักรายจ่ายทุกประเภทมารวมกัน จากนั้นก็นำค่าลดหย่อนต่างๆ ที่คุณสรรพ์ได้คัดสรรไว้แล้วมาหักออกเหลือเท่าไหร่ จึงจะนำไปคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะเรียกว่าแยกรายได้แต่ละประเภทออกจากกัน และค่อยนำรายได้หลังหักรายจ่ายแต่ละประเภทมารวมกัน เพื่อคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาก็ว่าได้
การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
นำรายได้หลังหักรายจ่ายและค่าลดหย่อนคูณอัตราภาษีเงินได้
นำรายได้ก่อนหักรายจ่ายคูณ 0.05%
นำยอดที่มากกว่ามาชำระภาษีเงินได้
แฟร์หรือไม่ต้องยืมคำลุงป้อมมาบอกว่า..ไม่รู้ ไม่รู้ คุณสรรพ์กำหนดมาก็ทำไปเถอะ แต่อย่างที่ปราบเคยบอกว่าการทำธุรกิจในรูปบุคคลธรรมดา แม้จะขาดทุนก็ยังต้องชำระภาษีเพราะยังไงก็ต้องเสียภาษีขั้นต่ำตามที่คุณสรรพ์ท่านกำหนด ยังไงแม่หมออย่าลืมเรื่องนี้ละกัน ไม่อย่างนั้นต้องเสียเงินไปสะเดาะเคราะห์ จะว่าหมอปราบไม่เตือน
|
รู้ก่อนลุย!!
มาตรา 48 เงินได้พึงประเมินต้องเสียภาษีเงินได้ดังต่อไปนี้ (1) เงินได้พึงประเมินเมื่อได้หักตามมาตรา 42 ทวิ ถึงมาตรา 47 หรือมาตรา 57 เบญจ แล้ว เหลือเท่าใดเป็นเงินได้สุทธิ ต้องเสียภาษีในอัตราที่กำหนดในบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวดนี้ |
#เงินได้มาตรา40(2) #เงินได้มาตรา40(8) #ค่าลดหย่อน #ภงด.90 #ภงด.94 #ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา #หักรายจ่ายตามความจำเป็นและสมควร #หักรายจ่ายเป็นการเหมา |