ต้นทุนเกิน

"การคิดที่ยิ่งใหญ่ในโลกนี้คือ

รู้ว่าทำอย่างไรจึงจะพอใจ

ในตัวของเราเอง"

              รายจ่ายต้องห้ามมันเกิดขึ้นได้อย่างไรห้ามอย่างไรก็ไม่ยอมฟังไม่ยอมเชื่อ อุตส่าห์อดตาหลับขับตานอนไปบิดงานราชการมาได้ เรื่องใต้โต๊ะบนโต๊ะตามน้ำผมยืนยันได้ว่าไม่มีแม้กะสักนิด แต่ด้วยความอยากได้งาน ก็ต้องเสนอราคาให้สูงกว่าราคากลาง ไม่มากหรือต่ำกว่าราคากลางได้จะยิ่งมีโอกาสได้งานสูง ประเภทที่ว่ากำหนดราคากลางสูงเพื่อให้คนเสนอราคาเสนอไม่ต่ำกว่าราคากลางจะได้อนุมัติได้ กำไรส่วนเกินก็มาล้อมวงแบ่งกันเหมือนที่หลายแห่งเค้าทำกันยืนยันเสียงแข็งว่าประเทศไทยไม่มี๊ไม่มี

พอรับงานได้ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานใบหน้าอิ่มเอิบเต็มไปด้วย ความสุขพอถึงงวดก็เบิกเงินมาหมุนต่อเอะใจเหมือนว่าทำงานอย่างไรหมุนเงินจนเป็นลูกข่างเลย พอจบงานน้องชีหยิบข้อมูลมาให้ดูถึงได้รู้ว่าขาดทุน ใช่ครับไม่ใช่ขาดทุนกำไรครับอาจารย์พี่ปราบ แต่ขาดทุนกันจริงจัง เห็นกันแบบต่อหน้าต่อตา สืบสาวราวเรื่องได้ข้อสรุปว่า ตอนประมาณการต้นทุน (BOQ) เพื่อไปเสนองานกำหนดต้นทุนขาดน็อตไปบางตัวทำให้ต้นทุนต่ำกว่าที่ควรจะเป็นไปมากเหมือนกัน  พอทำงานจริงต้องไปจ่ายค่าน็อตบางตัวที่มันงอกมาเลยทำให้ต้นทุนจริงสูงกว่า BOQ แค่นั้นไม่พอต้นทุนจริงดันสูงกว่ารายได้ที่ไปประมูลมาขาดทุนเห็นกันคาตาเลย น้องชีก็มาถามต่อว่าเอาไงดีต้นทุนที่สูงกว่าที่ประมาณไว้จะต้องบวกกลับในการคำนวณภาษีดีไหมเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตุ ทำให้มีคนแวะมาด้อมด้อมมองมองหน้าสำนักงานให้หวาดเสียว

เรื่องขาดทุนหมุนเงินเป็นลูกข่างก็เครียดอยู่แล้ว ได้ฟังคำถามเรื่องบวกกลับค่าใช้จ่ายจากน้องชีอยากจะหยุมหัวถามไรถามไรโธ่ ได้แต่อดใจไว้ไม่อยากเสียผู้ใหญ่กัดฟันก้มหน้าทนมาถามอาจารย์พี่ปราบดีกว่าว่าต้นทุนจริงที่สูงกว่าประมาณการ มันผิดอะไรผิดตรงไหนต้องบวกกลับในการคำนวณภาษีจริงหรือเปล่า

BOQ เป็นการประมาณการต้นทุนก่อสร้าง

ระบุว่าใช้วัสดุอะไร ปริมาณเท่าไร ราคากี่บาท

ค่าแรง และต้นทุนในการทำงานมีเท่าไหร่

นำมาบวกกำไรที่ต้องการเพื่อใช้เสนอราคาค่าบริการ

งานก่อสร้างบางโครงการระยะเวลาดำเนินการนานกว่า 1 ปีบางโครงการว่ากันไปสอง หรือสามปี ระหว่างทำโครงการอาจจะเกิดเหตุการณ์ได้ตั้งมากมายเช่น วัตถุดิบปรับราคาขึ้น, ผู้รับจ้างเหมาขาดแคลนปรับขึ้นค่าตัว รวมถึงปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้ต้นทุนงานก่อสร้างจริงสูงกว่าที่ประมาณการได้ ขณะที่รายได้ถูกผูกติดอยู่กับสัญญาจ้าง หากบากหน้าไปขอปรับราคาแล้ว ผู้ว่าจ้างไม่ยอมคงต้องเลือกว่าจะทิ้งแล้วมีคดีหรือสู้ต่อ ยอมกลืนเลือดขาดทุน เพื่อสะสมชื่อเสียงไว้รับงานใหม่

ต้นทุนและรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริง

หากเกี่ยวข้องกับกิจการมีหลักฐานพิสูจน์ผู้รับเงินได้

บันทึกเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีได้

เป็นกฎกติกามารยาทที่คุณสรรพ์กำหนดไว้เนิ่นนานมาแล้ว การที่ต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงสูงกว่าประมาณการต้นทุนที่ใช้เป็นฐานในการเสนอราคาหาใช่เรื่องที่ผิดไม่ เฮียเหมาลองไปวิเคราะห์หาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร หากเกิดจากเหตุปัจจัยข้างต้น หากการซื้อสินค้า การว่าจ้างผู้รับเหมาช่วงที่ได้นำมารวมเป็นต้นทุนโครงการนั้น มีหลักฐานการจ่ายเงินที่ถูกต้องแบบนี้ สามารถนำมารวมเป็นต้นทุนหรือรายจ่ายของกิจการได้ไม่ต้องห่วงเรื่องบวกกลับในการคำนวณภาษีแต่อย่างใด จะว่าไปแล้วคุณสรรพ์ท่านก็เป็นคนมีเหตุมีผล หาใช่เป็นคนคิดบวก คิดแต่จะบวกกลับทุกเรื่องราวไม่ แต่ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ว่าเฮียเหมาขาดทุนจากการดำเนินการรับเหมาก่อสร้างจริง ไม่มีหลักฐานและเหตุผลที่น่าเชื่อถือได้ คุณสรรพ์อาจจะประเมินค่าใช้จ่ายในส่วนที่เกิน BOQ มาเป็นรายจ่ายต้องห้าม

งานคืบหน้ามากน้อยแค่ไหน

รับรู้รายได้ และต้นทุนตาม

อัตราส่วนงานที่ทำเสร็จ

เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ที่เฮียควรย้อนกลับไปดูอดีตที่ผ่านมาด้วย เพราะงานก่อสร้างบางครั้งไม่ได้เสร็จในปีเดียว การรับรู้รายได้และต้นทุนในแต่ละปีไม่ได้ใช้เงินที่รับหรือจ่าย มาเป็นเกณฑ์แต่ต้องมาดูว่างานในแต่ละปีแล้วเสร็จกี่% จากนั้นก็ให้นำความสำเร็จของงาน มาคูณกับรายได้ตามสัญญาและต้นทุนตามประมาณการ เพื่อรับรู้เป็นรายได้และต้นทุนในปีนั้น หากให้สรุปคงบอกได้ ว่างานแต่ละโครงการได้ประมาณการกำไรขั้นต้นไว้เท่าไหร่แต่ละปีก็ควรรับรู้กำไรขั้นต้น จากการทำงานให้สอดคล้องกับกำไรที่ได้ประมาณการไว้นั่นเอง เท่ากับว่าในปีแรกที่ต้นทุนยังไม่บานปลาย เฮียควรมีกำไรตามประมาณการ พอปีสุดท้ายขาดทุนก็ค่อยว่ากัน แยกตามส่วน หากผิดพลาดจากนี้ปีนี้อาจรอด ปีก่อนอาจะโดนต่างกรรมต่างวาระจะมาหักกลบลบหนี้ไม่ได้

#รับเหมาก่อสร้าง #ประมาณการต้นทุนก่อสร้าง #รับรู้รายได้ตามความสำเร็จของงาน #ภาษีเงินได้นิติบุคคล #รายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจการ #รายจ่ายต้องห้าม