กู้กรรม
"วิ่งไล่ความสุขเท่าไหร่ก็ไม่ทันสักที
หยุดวุ่นหยุดฟุ้งเมื่อไหร่
ความสุขก็มาหาเราเอง"
บางคนมีทุกข์เพราะเป็นหนี้กังวลสารพัดสารพันว่าจะทำงานหาเงินมาใช้หนี้ทั้งต้นและดอกเบี้ยไม่ไหว รีบหาเงินมาใช้หนี้เพื่อปลอดตัวเองให้เป็นอิสระจากภาระทั้งปวง บางคนก็มีความสุขกับการมีหนี้บอกกับตัวเองว่า การมีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐเป็นการเพิ่มผลตอบแทนจากากรลงทุน ROI เพิ่ม ความเสี่ยงลดลงเพราะกระจายไปอยู่ที่พี่แบ๊งค์ หากเพลี่ยงพล้ำเสียทีค่อยปรับโครงสร้างหนี้ไม่มีไม่หนีไม่จ่าย
ใช่เลยค่ะหนูก็ไม่อยากเป็นหนี้ แต่ตามประสาคนเบี้ยน้อยหอยน้อยจะซื้อรถบรรทุกมาใช้งาน แต่ก็ไม่มีเงินก้อนใหญ่ที่จะมาจ่ายชำระเลยต้องเลือกว่าจะเช่าซื้อดีหรือกู้ยืมธนาคารมา และนำไปจ่ายค่ารถบรรทุกดี แต่ที่ติดใจคือหนูจะซื้อรถบรรทุกในนามบริษัท อยากกู้ในนามบริษัทแต่ทำไมพี่แบ๊งค์ถึงไม่ยอมให้บริษัทกู้ ให้หนูเป็นคนกู้แทนมัน
ไม่มั่นคง
เพิ่งเปิดดำเนินการ
ขาดทุนสะสม
ไม่มีกำไร
หลากหลายสาเหตุที่พี่แบ๊งค์หยิบนำมาใช้ เพื่อปฏิเสธการให้สินเชื่อกับบริษัทเกิดใหม่ของน้องหญิง แต่เนื่องจากน้องหญิงมีโปรไฟล์ดีออกเดินสายเผยแผ่คลื่นพลังบุญให้สัตว์ปีกทั้งหลายที่ไม่อยากเวียนว่ายตายเกิดให้ถอนรักโลภโกรธหลงแล้วก็ปล่อยวางนะ ทำให้เป็นที่รู้จักไปทั่วน่าเชื่อถือเลยตัดสินใจให้สินเชื่อในนามบุคคลแทน ส่วนน้องหญิงจะไปทำอะไรพี่แบ๊งค์ก็จะปิดตาข้างนึงไปก่อน หากวันไหนตัดกรรมไม่ขาดค่อยมาติดตามทวงถามขอสินเชื่อคืน
ลงมติให้กรรมการกู้ยืมเงินแทนบริษัท
ให้บริษัทรับผิดชอบคืนเงินต้นและดอกเบี้ย
นำเงินมาเข้าบัญชีบริษัททั้งหมด
จ่ายชำระเงินต้นและดอกเบี้ยโดยบริษัท
ครั้งที่แล้วบอกเล่าให้น้องหญิงฟังว่า เมื่อกู้ได้แล้วให้น้องหญิงนำมาให้บริษัทกู้ยืม โดยกำหนดให้บริษัทชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับที่จำนวนต้องชำระคืนให้กับธนาคาร ก็เป็นแนวทางที่จะทำให้บริษัทได้เงินมาเพื่อซื้อรถบรรทุกไว้ใช้ในกิจการ แต่แนวทางนี้ทำให้น้องหญิงกับท่านพี่มีเงินได้ดอกเบี้ยที่ต้องนำไปคำนวณภาษีบุคคลธรรมดา แม้จะเลือกไม่นำไปรวมก็ได้แต่ทุกครั้งที่บริษัทชำระดอกเบี้ยก็จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายอัตรา 15% เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจไปเป็นค่าภาษีที่ไม่ควรเกิดขึ้น หากมีเวลาซื้อผ้าตาตาฝากน้องบ้างเด้อ แฮ่..ผิดเรื่องหากน้องหญิงเตรียมการให้ดี มีเวลาที่เพียงพอ หลังจากตั้งบริษัทเรียบร้อยเจรจากับพี่แบ๊งค์เรียบร้อย
จัดประชุมผู้ถือหุ้นชี้แจงรายละเอียดให้ชัดเจนว่า บริษัทต้องการกู้ยืมเงินมาลงทุนเพื่ออะไร มีข้อติดขัดอะไรที่กู้ไม่ได้ ต้องขอให้กรรมการเป็นผู้ขอสินเชื่อในนามบุคคลธรรมดา โดยนำเงินทั้งหมดจากการกู้ยืมเงินมาใช้ในกิจการและยอมรับภาระการจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมด หากทำได้เพียงเท่านี้ก็สามารถบันทึกเงินกู้ยืมเป็นหนี้สินของกิจการได้ตามปกติ และนำดอกเบี้ยที่จ่ายให้กับธนาคารมาหักเป็นรายจ่ายได้แถมไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% เหมือนกับที่จ่ายให้น้องหญิงด้วย
บริษัทจ่ายชำระเงินต้นและดอกเบี้ย
ให้กับธนาคารผู้ให้กู้ยืมเงิน
นำหลักฐานการจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ย
บันทึกชำระคืนหนี้และรายจ่าย
ตอนจ่ายก็ว่ากันตรงๆ เลยทำเช็คจ่ายหรือโอนเงินจากบริษัทไปให้กับธนาคาร หากทำได้อาจจะเจรจาขอให้ธนาคารออกใบเสร็จรับเงิน ระบุเพิ่มนิดนึงว่าชำระโดยบริษัท รวบรวมหลักฐานทั้งหมดส่งให้น้องชีนำไปบันทึกบัญชีตัดลดเจ้าหนี้การค้าและบันทึกดอกเบี้ยก็เป็นอันเรียบร้อย ที่สำคัญไม่ต้องกลัวว่าคุณสรรพ์จะเคืองเพราะท่านรู้และเข้าใจธรรมชาติของ SME’s ดีเลยหาทางออกไว้ให้เสร็จสรรพ์เพียงแต่จะมีใครรู้หรือไม่รู้ก็ว่ากันไป
|
รู้ก่อนลุย!
คู่มือ การจัดทำเอกสารประกอบการลงบัญชี ที่สามารถเป็นรายจ่ายทางภาษีได้กรณีการกู้เงินจากธนาคารในนามกรรมการ เนื่องจากติดเงื่อนไขที่ธนาคารไม่สามารถให้สินเชื่อต่อกิจการได้โดยตรงและกรรมการมีภาระดอกเบี้ยจ่าย 1. มติที่ประชุมแจ้งความจำเป็นให้กรรมการไปกู้ ธนาคารแทนกิจการ 2. สัญญากู้เงิน 2.1) คู่สัญญาระหว่าง ธนาคารกับกรรมการ 2.2) คู่สัญญาระหว่าง กรรมการกับกิจการ 3. หลักฐานการรับเงินกู้ยืม และการบันทึกบัญชีเจ้าหนี้ 4. หลักฐานที่กิจการจ่ายดอกเบี้ยให้แก่ธนาคาร |
#กู้ยืมเงินสถานบันการเงิน #เจ้าหนี้เงินกู้ยืมกรรมการ #ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม #สัญญากู้ยืมเงิน #ภาษีเงินได้นิติบุคคล #ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา #รายงานการประชุม #บัญชีเล่มเดียว #มติการประชุม |