ปรปักษ์
"ชีวิตนี้ใช่อยู่ได้เพราะใครอื่น
ที่หยัดยืนอยู่ได้ใช่ขาเขา
จะสุขบ้างเศร้าบ้างก็อกเรา
ล้มแล้วลุกมือปัดเข่าก็เราเอง"
ของของใคร..ของใครก็ห่วง..ของใครใครก็ต้องหวง..ห่วงคนรักดั่งดวงใจ.. แต่คนเรามักเป็นเช่นนี้ ของที่อยู่ใกล้ตัวบางทีเราก็ไม่เห็นค่าไม่เห็นคุณงามความดีไม่มีเวลาแวะไปเยี่ยมเยี่ยนปล่อยทิ้งปล่อยขว้างทิ้งให้หยากไย่ฝุ่นจับ รวมถึงหมู่ภมรมาดอมดม จนบางทีถึงขนาดคิดไปเองว่ามันคงเป็นของเราตั้งแต่ชาติปางก่อน
โลกสองใบ..รักสามเส้า..ไม่เคยสร้างความสุขอย่างยั่งยืนให้กับใคร ของชิ้นเดียวกันแต่มีคนสองคนเป็นเจ้าของ มันก็เป็นเรื่องของการที่จะต้องอ้างสิทธิ เพื่อที่จะครอบครองแต่เพียงผู้เดียวไม่อย่างนั้น เวลาจะใช้ประโยชน์ก็จะเกิดปัญหา ยิ่งเวลาจะขายก็ไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนรับเงิน การที่คนที่ไม่ใช่เจ้าของมาครอบครองทรัพย์สินของเราโดยที่เรารู้ตัว หากเจรจากันไม่ได้ก็ต้องใช้สิทธิฟ้อง ร้องดำเนินคดี เพื่อให้ได้ข้อยุติส่วนว่าทรัพย์ของเราจะเป็นของเขาหรือจะยังเป็นของเราเหมือนเดิม ก็ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโชควาสนา
แต่บางทีโลกก็โหดร้ายวันเวลาผ่านไป 10 ปีไม่เคยได้แวะเวียนไปดูที่ทางของตัวเอง แม้สักนาทีหรือบางทีอาจจะแวะไปดูแล และเห็นคนอยู่ในอสังหาริมทรัพย์ของเรา แต่ก็ด้วยความเมตตาหรือคาดไม่ถึงก็ตามที ปล่อยให้คนอื่นเข้ามาอยู่มาใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินของตัวเองต่อเนื่องยาวนาน จนเผลอเข้าใจไปว่าเป็นทรัพย์สินของตัวเอง จนไปดำเนินการตามกฎหมายจนได้สิทธิครอบครองปรปักษ์ เป็นเจ้าของทรัพย์สินของเราเรียบร้อย
ใช่เลยครับเรื่องเพิ่งเกิดหมาดๆ กำลังไปทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์อยู่พอดี คราวนี้เลยมีปัญหาคาใจว่าต้องเสียภาษีอะไรบ้าง เพราะจำได้ว่าการขายอสังหาริมทรัพย์ต้องโอนกรรมสิทธ์ที่กรมที่ดิน จึงจะสมบูรณ์และต้องเสียภาษี 3 ตัวไม่ขาดไม่เกิน
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ภาษีธุรกิจเฉพาะ
ค่าธรรมเนียมโอน
ผมครอบครองปรปักษ์เค้ามาแบบเงียบๆ ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวมาเกิน 10 ปีดังนั้นได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะแน่นอน ถ้าไม่ยกเว้นผมจะให้พี่ดินมาเคลียร์กับอาจารย์โดยตรงเพราะผมก็ศิษย์มีครูลูกศิษย์เดือดร้อนครูจะนิ่งดูดายไม่ได้ผมมั่นใจ ถ้าความทรงจำผมยังดีเลิศก็ต้องเสียอากรแสตมป์แทน แต่คำถามของผมอีกคำถามนึงที่ต้องการคำตอบคือ ใครจะเป็นผู้เสียภาษีระหว่าง
ผมในฐานะผู้ครอบครองปรปักษ์
คุณพ่อผมในฐานะเจ้าของทรัพย์เดิม
ไม่ต้องตกใจงานนี้ไม่ได้เป็นคดีความระหว่างครอบครัวครับ เรื่องคือผมไปบอกคุณพ่อว่าผมอยู่อาศัยโดยสุจริตและเปิดเผยมาเกินกว่า 10 ปี ภาษีอะไรผมก็เสียเองหมดแบบนี้ ผมใช้สิทธิครอบครองปรปักษ์ได้เลย ถ้าคุณพ่อไม่โต้แย้งเท่ากับว่าจะเป็นเจ้าของที่ดินโดยสงบและเปิดเผย คุณพ่อผมแกแย้งว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแป จะทำอย่างนั้นได้อย่างไร เลยเกิดคำท้าซึ่งในที่สุดผมก็ชนะ 555 เสียทองเท่าหัว สุดท้ายต้องเสียที่ดินให้ลูกชายบังเกิดเกล้าฟรีๆ
เฮ้อ! นึกว่าต้องไปเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญในศาลอีกคดีแล้ว ช่วงนี้ไม่รู้บุญทำกรรมแต่งอะไรต้องแวะเวียนไปศาลสถิตย์ยุติธรรมบ่อยมาก ถ้าเราไปดูคำจำกัดความของคำว่าขายจะครอบคลุมไปถึง ขายฝาก แลกเปลี่ยน ให้ ให้เช่าซื้อ หรือจำหน่ายจ่ายโอนไม่ว่าจะมีประโยชน์ตอบแทน ซึ่งต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะทั้งหมด ยกเว้นว่าถือกรรมสิทธิ์เกินกว่า 5 ปี แต่ก็ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่คุณสรรพ์กำหนด ถ้าจำไม่ได้ก็ต้องไปหาอ่านเพิ่มเติมเอาหรือถ้ามีเวลาจะมาเหลาให้ฟังอีกรอบ
แต่การโอนอสังหาริมทรัพย์ด้วยการครอบครองปรปักษ์ คุณสรรพ์ท่านบอกว่ายังไม่ถือเป็นการขายทำให้เกิดผลกระทบต่อเนื่องเป็นแชร์ลูกโซ่ดังนี้
ไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
เจ้าของกรรมสิทธ์เดิมก็ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้
ผู้ได้สิทธิครอบครองต้องนำมูลค่าอสังหาริมทรัพย์
มารวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงิน
งานนี้ได้แต่บอกว่าเอาทรัพย์สินของพ่อมาแล้ว ช่วยคำนวณภาษีและไปเสียภาษีแทนท่านหน่อยละกันจะได้ไม่เคืองกันมากไปกว่านี้ เผลอๆวันแบ่งมรดกอาจจะไม่เหลืออะไรติดไม้ติดมือ
รู้ก่อนลุย !! |
|
|
คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 82/2542 ข้อ 1 คำว่า ขาย ในการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ หมายความรวมถึงสัญญาจะขาย ขายฝาก แลกเปลี่ยน ให้ ให้เช่าซื้อ หรือจำหน่ายจ่ายโอนไม่ว่าจะมีประโยชน์ตอบแทนหรือไม่ ตามมาตรา 91/1(4) แห่งประมวลรัษฎากร (3) กรณีการได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์โดยการครอบครองปรปักษ์ ตามมาตรา 1382 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการขายตามมาตรา 91/1(4) แห่งประมวลรัษฎากร เจ้าของกรรมสิทธิ์เดิมจึงไม่ใช่ผู้ขายอสังหาริมทรัพย์แต่อย่างใด
#ครอบครองปรปักษ์ #โอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ #ถือกรรมสิทธิ์เกิน5 ปีนับแต่วันได้มา #ภาษีหัก ณ ที่จ่าย #ค่าธรรมเนียมโอน #ภาษีเงินได้ #ภาษีธุรกิจเฉพาะ #ขายอสังหาริมทรัพย์ #ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ #อากรแสตมป์ |
