หน้านาย…นายหน้า
ถามคำหนึ่ง...ใครจะเป็นคนตอบ มีใครบ้างไหมวานบอก ตอบจริงไม่ใช่แกล้งตอบ ตอบตรงให้เหมือนดังใจ...อะไรคือคำถาม...ถามไม่ยาก...ไม่อยากให้ใครลำบาก ไม่โกงไม่เท็จ อย่าเดาจงตั้งใจฟัง...เป็นบทเพลงที่พอจะเดาได้ว่า...พี่แจ้เป็นคนที่โชคดีจริง เจอแต่ปัญหาที่ไม่ยาก เลยทำให้คำถามที่ไม่ยาก ใคร ๆ ก็ต่างอาสาพากันยกมือตอบ
ไม่เหมือนหลี่น้อย ที่ไม่รู้ว่าทำบุญมาด้วยอะไร เจอคำถามแต่ละที มีแต่หนัก และมีแต่เหนื่อย ต้องทั้งค้น และทั้งคิด ยิ่งช่วงหลัง ๆ นายภาษีแกปล่อยมือทั้งที่ไม่ได้ขับจักรยาน ให้หลี่น้อยค้นคว้าหาคำตอบอยู่คนเดียว...ตอบถูกก็ดี แต่หากตอบผิด...ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียว ไม่รู้จะโดนสองเท่า...เหมือนกับผู้ประกอบการรายอื่น ๆ หรืออาจจะต้องจ่ายค่าความเสียหายของคำปรึกษา 1.5 % ต่อเดือนหรือไม่...ไหนใครว่ากฎหมายห้ามคิดดอกเบี้ยเกิน 15 % ต่อปี...ยกมือขึ้น
คิดและบ่นน้อยใจในโชคชะตาตัวเองได้ไม่นาน...คำถามจากฟากฟ้าก็หล่นปุ๊มาอยู่ตรงหน้า พร้อมกับจดหมายน้อยที่เขียนด้วยลายมือยึกยือ...อ่านแทบไม่รู้เรื่องว่า...Quick Ans...ภายใน 24 ชั่วโมง...ทำเอาหนังตาที่กำลังจะปิดต้องเบิกโพลง รีบเร่งค้นหาคำตอบเพื่อมาสนองพระเดชพระคุณ ท่านให้ทันกำหนด...ส่วนใครเป็นใคร ถามอะไร ไปดูกัน
นัดมา : ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการจ่ายเงินเดือน และเงินโบนัสให้แก่พนักงาน ซึ่งนัดมาในฐานะผู้ทำหน้าที่คำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่าย ได้แอบสอบถามแนวทางในการหักภาษี ณ ที่จ่าย มาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจ่ายโบนัสให้พนักงานในเดือนมกราคม 2551 จะต้องหักภาษีหัก ณ ที่จ่ายจะหัก ณ เดือนไหน? หักพนักงานคนใดบ้าง? หักอัตราเท่าไหร่ กี่เปอร์เซ็นต์? ต้องออกหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่ายด้วยหรือไม่? ซึ่งก็ได้รับคำตอบไปเรียบร้อย จนเงินตุงอยู่ในกระเป๋าของนัดมา และผองเพื่อนไปแล้ว มาคราวนี้ใกล้กำหนดที่จะต้องจ่ายค่านายหน้าให้กับผู้ที่แนะนำลูกค้าให้กับบริษัทฯ เลยมีปัญหาคับอก คับใจมาถามต่อว่า
บริษัทมีการจ่ายเงินค่าคอมมิชชั่น จากการขายสินค้าให้กับผู้ขาย (ที่ไม่ใช่พนักงาน) จะต้องทำการหัก ณ ที่จ่ายอย่างไร? (เหมือนกรณีพนักงานหรือไม่) และต้องยื่นแบบหักภาษี ณ ที่จ่ายแบบใด
หลี่น้อย : เจียดเงินโบนัสมาจ่ายเป็นค่าที่ปรึกษาของหลี่น้อยหน่อยก็ดีนะ เพราะช่วงนี้น้ำมันมันแพงเหลือใจ ทำให้หลี่น้อยเดินทางมาไม่ค่อยจะถึงออฟฟิศ เดี๋ยวจะพาน...มิได้มาเกิด เอ๊ยไม่ได้มานั่งตอบคำถามกันในอนาคต ส่วนเลขบัญชีจะแอบเมล์ไปให้ภายหลัง
เอาเป็นว่ามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าค่านายหน้า เป็นเงินได้ประเภทใด เพื่อที่จะได้หักภาษี ณ ที่จ่ายได้อย่างถูกต้อง และสง่างาม (เพราะหากหักผิด ต้องไปยืนกุมเป้า...ให้การต่อคุณสรรพ์ ทำให้เสียความสง่างามไป) ขอตอบว่า
· ค่านายหน้า หรือค่าคอมมิชชั่น ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2)
· หากผู้รับค่านายหน้าเป็น บุคคลธรรมดา, คณะบุคคล, ห้างหุ้นส่วนสามัญ ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 (1) โดยจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย อัตราก้าวหน้า (เหมือนจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงาน)
· หากผู้รับค่านายหน้าเป็น นิติบุคคล ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 3 เตรส หรือคำสั่งกรมสรรพกรที่ ท.ป. 4/2528 โดยหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 3 %
จากข้อมูลที่ได้รับสรุปได้ว่า จ่ายให้กับผู้ขายที่ไม่ใช่พนักงาน คงต้องตีความเข้าข้างตัวเองว่าเป็นการจ่ายให้บุคคลธรรมดา จึงต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราก้าวหน้า โดยมีขั้นตอนดังนี้
- การจ่ายเงินได้ครั้งที่ 1 นำเงินได้ที่จ่ายครั้งที่ 1 คำนวณหักค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อน และคำนวณภาษีเงินได้
- การจ่ายเงินได้ครั้งที่ 2 นำเงินได้ที่จ่ายครั้งที่ 1 และ 2 รวมกัน คำนวณหักค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อน และคำนวณภาษีเงินได้...จากนั้นให้นำภาษีเงินได้ที่ถูกหักไว้ครั้งที่ 1 มาหักออก (หากมี) จะได้ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายสำหรับการจ่ายเงินครั้งที่ 2
- การจ่ายเงินได้ครั้งที่ 3 เป็นต้นไป ดำเนินการเหมือนข้างต้น
หากพิจารณาจะเห็นได้ว่า การหักภาษี ณ ที่จ่ายกรณีค่านายหน้าให้กับบุคคลธรรมดา จะไม่ได้หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 3 % เหมือนที่เข้าใจกัน ซึ่งยืนยันให้เห็นได้ชัดเจนอีกครั้งด้วย
“มาตรา 50 ให้บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 หักภาษีเงินได้ไว้ทุกคราวที่จ่ายเงินได้พึงประเมินตามวิธีดังต่อไปนี้
(1) ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และ (2) ให้คูณเงินได้พึงประเมินที่จ่ายด้วยจำนวนคราวที่จะต้องจ่าย เพื่อให้ได้จำนวนเงินเสมือนหนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปี แล้วคำนวณภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48 เป็นเงินภาษีทั้งสิ้นเท่าใดให้หารด้วยจำนวนคราวที่จะต้องจ่าย ได้ผลลัพธ์เป็นเงินเท่าใดให้หักเป็นเงินภาษีไว้เท่านั้น
ถ้าการหารด้วยจำนวนคราวที่จะต้องจ่ายตามความในวรรคก่อนไม่ลงตัว เหลือเศษเท่าใดให้เพิ่มเงินเท่าจำนวนที่เหลือเศษนั้นรวมเข้ากับเงินภาษีที่จะต้องหักไว้ครั้งสุดท้ายในปีนั้น เพื่อให้ยอดเงินภาษีที่หักรวมทั้งปีเท่าจำนวนภาษีที่จะต้องเสียทั้งปี
เมื่อมีการอ้างอิงว่า ค่านายหน้าเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (2) ก็ต้องไปค้นหาต่อว่าจริงหรือไม่ด้วย
มาตรา 40 เงินได้พึงประเมินนั้น คือเงินได้ประเภทต่อไปนี้ รวมตลอดถึงเงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้สำหรับเงินได้ประเภทต่าง ๆ ดังกล่าว ไม่ว่าในทอดใด
(1) เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงานไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ เงินค่าเช่าบ้าน เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่นายจ้างให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า เงินที่นายจ้างชำระหนี้ใดๆ ซึ่งลูกจ้างมีหน้าที่ต้องชำระ และเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน
(2) เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้ ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า ค่าส่วนลด เงินอุดหนุนในงานที่ทำ เบี้ยประชุม บำเหน็จ โบนัส เงินค่าเช่าบ้าน เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่ผู้จ่ายเงินได้ให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า เงินที่ผู้จ่ายเงินได้จ่ายชำระหนี้ใดๆ ซึ่งผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้องชำระ และเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้นั้นไม่ว่าหน้าที่ หรือตำแหน่งงาน หรืองานที่รับทำให้นั้นจะเป็นการประจำหรือชั่วคราว
สรุปว่า...หักภาษี ณ ที่จ่าย ทุกครั้งที่มีการจ่ายค่านายหน้า โดยหักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราก้าวหน้า แต่ในทางปฏิบัติผู้ประกอบการหลายรายจะทำการหักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตรา 3% เนื่องจากไม่เข้าใจ หรือหักไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยจะได้ไม่ต้องเป็นข้อโต้แย้ง หรือต้องไปชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นแนวทางที่ท่านสามารถนำไปพิจารณาตัดสินใจได้ หากท่านตัดสินใจที่จะทำการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราก้าวหน้า เวลาที่ทำการหักภาษี ณ ที่จ่าย จะต้องออกหนังสือรับรองฯ ทุกครั้งที่จ่าย พร้อมยื่นแบบ ภ.ง.ด.1 ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดจากเดือนที่จ่ายเงิน
นัดมา : ถามต่อไปว่า บริษัทอยู่ในระหว่างปิดงบการเงิน สิ้นสุด 30 พ.ย. ปีนี้ โดยจะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับผู้ขาย (ตามคำถามแรก) แต่ยังไม่ได้ดำเนินการ จะต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อให้เป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท ในปี 2550 และเป็นรายได้ของผู้แนะนำในปี 2550
หลี่น้อย : ประสานประโยชน์จริง ๆ แม่คุณ จะให้เป็นทั้งรายได้ของผู้รับ และรายจ่ายของผู้ให้ ห่วงกันไปหมดไม่รู้คนรับเป็นใคร เอาเป็นว่าเมื่ออยากได้...จัดให้ แต่เนื่องจากนิติบุคคล...รับรู้รายได้ตามเกณฑ์สิทธิ ขณะที่บุคคลธรรมดา...รับรู้รายได้ตามเกณฑ์เงินสด ทำให้จังหวะในการคำนวณภาษีแตกต่างกัน แต่หากนัดมายืนยันหนักแน่นว่าต้องการให้เป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท และเป็นเงินได้ของผู้รับ ในปีนี้ จะต้องดำเนินการดังนี้
- บันทึก ค่านายหน้า เป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทในปีนี้
- ทำการจ่ายชำระค่านายหน้า โดยให้ผู้รับเงินออกหลักฐานการรับเงิน เช่น ใบเสร็จรับเงิน หรือใบรับเงิน ในปีนี้ให้ครบถ้วน
- ทำการหักภาษี ณ ที่จ่ายตอนที่จ่ายเงิน และนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายภายในวันที่ 7 เดือนธันวาคม
ชอบมะ ชอบมั้ย...เรียกว่าได้ครบถ้วนตามประสงค์ หากแต่ในตอนนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย นัดมา จะต้องชำระเงินเพิ่ม จากข้อหานำส่งภาษีขาดไป..เท่านั้นเอง เพราะวันนี้ เวลานี้ มันปาเข้าไปเดือนมีนาคมแล้ว
ตบท้ายให้คิดว่า...หากนัดมารู้แน่ และมีหลักฐานประกอบที่ชัดเจนว่า ค่านายหน้าที่ต้องจ่ายเป็นเท่าไหร่ ให้ทำการบันทึกเป็น ค่านายหน้า และค่านายหน้าค้างจ่าย ในงบการเงิน เพื่อให้สามารถนำมาหักเป็น ค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ...ในปีนี้เลย ส่วนการจ่ายเงินเมื่อมีการจ่ายเงินในเดือนมีนาคมปีถัดไป ผู้รับเงินค่อยนำไปรวมคำนวณเป็นเงินได้ในปีที่ได้รับเงิน แยกต่างหากจากกันจะเหมาะสมกว่า โดยการบันทึกบัญชีจะเป็นดังนี้
บันทึกค่านายหน้าเป็นค่าใช้จ่าย...ปีนี้
Dr. ค่านายหน้า XX
Cr. ค่านายหน้าค้างจ่าย XX
บันทึกจ่ายชำระค่านายหน้า...ปีหน้า
Dr. ค่านายหน้าค้างจ่าย XX
Cr. เงินสด / เงินฝากธนาคาร XX
นัดมา : เมื่ออยากให้แยกรับรู้ก็ขอตามใจที่ปรึกษาบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าลูกค้าเอาแต่ใจ แต่เมื่อตามใจแล้วก็ต้องมีของแถมให้ ของแถมที่ว่าก็ขอถามเพิ่มเติมจากที่เคยหารือในครั้งก่อนว่า เงินโบนัส สรรพากรยอมรับเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทได้หรือไม่
หลี่น้อย : ยอมแพ้ แม้จะได้ชื่อว่าเป็นคนที่ความจำแม่นยำ แต่พออ้างถึงข้อหารือครั้งก่อน...เป็นอันสลบ เพราะคุณเธอถามเยอะ และถามบ่อยเหลือเกิน แต่ขอตอบเป็นว่า
· หากโบนัสของปีก่อน...ได้ถูกบันทึกเป็น ค่าใช้จ่ายของปีก่อน แม้จะจ่ายเงินในปีก่อน หรือปีไหน...ถือเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทได้
· หากโบนัสของปีก่อน...ไม่ได้ถูกบันทึกเป็น ค่าใช้จ่ายของปีก่อน เมื่อมีการจ่ายเงินปีนี้...ถือเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทได้ (เฉพาะทางบัญชี) ส่วนในการคำนวณภาษี...ไม่ถือเป็นค่าใช้จ่าย...
แตกต่างแต่ไม่แตกแยก เพราะนิติบุคคลต้องรับรู้รายได้และรายจ่ายตามเกณฑ์สิทธิ เมื่อโบนัสเป็นผลตอบแทนจากการทำงานปีก่อน ก็ต้องตั้งเป็นค่าใช้จ่ายของปีก่อน ส่วนจะจ่ายเงินกันปีไหน ไม่สำคัญ ภารกิจของนัดมา คือต้องรีบสรุปให้ได้ว่า โบนัสปีที่แล้วจะเป็นเท่าไหร่ เพื่อทำการบันทึกในบัญชีให้ครบถ้วน ส่วนจะจ่ายเดือนนี้ หรือเดือนหน้า หรือเดือนไหน...ตามสบาย...แต่ได้แล้ว...อย่าลืมกันเด้อ
ด้วยรัก
หลี่น้อย