ไม่มีใบเสร็จ...ลงบัญชีได้
ใกล้ถึงวันวิวาห์...แล้วหนา...ยอดดวงใจ...หวั่นไม่หาย...น้องหวั่นไม่หายพี่เอย... เป็นบทเพลงดังแว่วมาจาก...คนข้างบ้าน ซึ่งเข้าใจว่า...กำลังจะมีข่าวดี...ปนร้าย มาบอกในเวลาอันใกล้นี้...ซึ่งแสนดี...ไม่ได้ยินดี...ยินร้าย หรือรู้สึกอะไรกับข่าว...การแต่งงานของคนข้างบ้านแต่อย่างใด เพราะหากแสดงอาการอะไรออกไป...แสนดีอาจพบกับอาการบาดเจ็บ...โดยเฉียบพลัน ซึ่งเกิดจากฝีมือ...คนในบ้านของตัวเอง...ซึ่งเพียงแค่คิด ก็สร้างความเสียวให้กับแสนดีเป็นอย่างมากแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้แสนดี...หวั่นไหว เมื่อได้ยินบทเพลงดังกล่าว...คงเป็นเพราะ...รู้สึกว่าใกล้เหมือนกัน หากแต่ไม่ใช่ใกล้ถึงวันวิวาห์...แต่เป็นการใกล้ถึงวันปิดงบ...เพื่อยื่นภาษีแล้วต่างหาก ซึ่งแสนดี...อดหวั่นไหวไม่ได้ว่า จะมีอะไรซุกซ่อนอยู่...เหมือนที่ผ่านมาหรือไม่...โดยเฉพาะช่วงหลังมา...ไม่รู้...จริงใจ...งอนหรืออย่างไร เลยไม่มาช่วยสอดส่อง...งบการเงินเหมือนเคย...
เพื่อความไม่ประมาท...แสนดีจึงสั่งการ ให้ทีมงานขนเอกสารต่าง ๆ มาตรวจสอบ...อย่างละเอียด...โดยเฉพาะด้านค่าใช้จ่าย ซึ่งค่อนข้าง...มีเสียงบ่นในทำนอง คนไปซื้อ...ขี้เกียจรอใบเสร็จ หรือไม่ก็คนขาย...ไม่อยากเปิดเผยตัวจริง เลยไม่ยอมออกใบเสร็จรับเงินให้...ทำให้ในอดีตที่ผ่านมา...โดนปรับ...จนจับไข้...หัวโกร๋นไปครั้งหนึ่งแล้ว...ซึ่งแสนดี...ไม่ยอมให้ ประวัติศาสตร์...ซ้ำรอย...แน่นอน
คิดไป...บ่นไป เป็นสิ่งที่เกิดกับแสนดี...ในช่วงเวลานี้...เพราะแสนดี...พบว่า...เอกสาร...ชิ้นสำคัญที่นำมาใช้ประกอบการบันทึกบัญชี...เป็นค่าใช้จ่าย...กลับ ไม่ใช่...ใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษี...อย่างที่ควรจะเป็น...โดยหลักฐานที่อยู่ตรงหน้า...ประกอบด้วย
- ใบรับเงิน
- บิลเงินสด
- สำเนาเช็ค
- สำเนาใบนำฝาก (Pay In Slip)
- ใบสำคัญจ่าย
แสนดี...คัดแยกเอกสารดังกล่าวออกมา...พร้อมกับลงมือ ประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิด ขึ้นจากการที่ไม่สามารถบันทึกบัญชีได้...รวมเป็นเงิน กว่า 3 ล้านบาท ซึ่งหากต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา...30% เท่ากับแสนดี...ต้องเสียภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น...ฟรี ๆ 900,000 บาท ซึ่งมันน่าจะมีคนรับผิดชอบบ้าง...
แสนดี...จัดการออกหมายเชิญบุญมี...นักบัญชี...มือดี มารับทราบข้อกล่าวหา...และบทลงโทษ...ให้สาสมใจ...โดยทันทีที่พบหน้า...แสนดี ผลักกองเอกสาร...เจ้าปัญหา...พร้อมกับส่งหมายศาล...เอ๊ย เอกสาร...ให้อ่านทันทีว่า…
“รายจ่ายซึ่งผู้จ่ายพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นผู้รับ ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ...มาตรา 65 ตรี (18)”
บุญมี...อ่านจบ...เข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้...ซ้ำเติม...เอ๊ย อธิบาย...ชิงลงมือตอบทันทีว่า...รายจ่ายที่พิสูจน์ผู้รับเงินไม่ได้...ไม่ได้หมายความว่า...ต้องเป็นใบเสร็จรับเงิน หรือ ใบกำกับภาษีอย่างที่เข้าใจ...โดยเฉพาะใบกำกับภาษี...หากผู้ขายสินค้าหรือ ผู้ให้บริการ...ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม...ย่อมไม่มีสิทธิออกอยู่แล้ว...และหากออก...ก็จะกลายร่างเป็น ใบกำกับภาษี...ปลอม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อแสนดี...ในตอนที่ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม...อีกดอก
แต่การพิสูจน์ผู้รับเงินให้ได้...มีความหมายว่า...ต้องมีหลักฐานบอกให้ได้ว่า...เราจ่ายเงินให้ใคร และใครรับเงินจากเราไป...เท่านั้นพอ ...ดังนั้น เอกสารที่กองอยู่ตรงหน้าในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็น...ใบรับเงิน, บิลเงินสด, ใบสำคัญจ่าย...ล้วนแล้วแต่ระบุ...ชื่อ...สกุล ที่อยู่ ของผู้รับเงิน...แถมมีการลงลายมือชื่อรับเงินครบถ้วน...ย่อมเพียงพอที่จะนำมาใช้เป็นหลักฐาน...บันทึกบัญชีได้อย่างแน่นอน
ส่วนเช็คที่จ่าย...ก็ ระบุ...ชื่อผู้รับเงิน แถม...ขีดคร่อม และขีดฆ่า...หรือผู้ถือเพื่อบังคับให้ผู้ที่รับเช็คต้องนำเช็คเข้าบัญชี ตามชื่อที่ระบุในเช็ค...เท่านั้น ย่อมยืนยันได้ว่า...ผู้มีชื่อตามเช็ค...รับเงินเราไปอย่างแน่นอน...แถมบุญมีกันเหนียวด้วยการ...ทำสำเนา และให้ลงนามรับเงินเรียบร้อย...
อีกประเด็นที่คาใจคือเรื่อง...สำเนาใบนำฝาก...อันนี้ก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะการโอนเงินให้กับผู้รับเงินผ่านธนาคาร ก็เป็นการยืนยันว่า...โอนเงินให้กับผู้รับเงินที่มีชื่อตามใบนำฝาก...เพื่อเป็นการชำระค่าสินค้าหรือบริการ...แน่นอนไม่ผิดคิว...
งานนี้หลักฐาน...ถูกต้องครบถ้วน...ไม่น่าห่วง แต่ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ...อาการอัลไซเมอร์ ที่เกิดกับแสนดี...เพราะหลักฐานในที่เกิดเหตุหลายชิ้นมาจากแสนดีเอง...โดยเฉพาะในอดีตแสนดี...พยายามจะเขียน เช็คจ่าย...สด ลูกเดียว ซึ่งบุญมีค้านเสียงแข็งว่า...ไม่ได้ เพราะจะไม่สามารถนำมาบันทึกเป็น...ค่าใช้จ่ายได้ เพราะไม่รู้ว่า...คุณสดเป็นใคร...แสนดีจึงยอมอ่อนข้อ...และทำการจ่ายชำระตามข้อเสนอของบุญมี...แต่เหตุใดวันนี้ อาการกำเริบ...เสิบสานจึงเกิดขึ้นได้
บุญมี...ตัดสินใจสะกด...วิญญาณ...อัลไซเมอร์ของแสนดี และยืนยันว่าสิ่งที่พูด...ถูกต้องด้วยเอกสาร 3 ฉบับรวด
“การจ่ายเงินที่ผู้รับขนส่งไม่ออกใบเสร็จรับเงินให้ บริษัทฯ ต้องมีหลักฐาน การจ่ายเงินที่มีรายละเอียดระบุชื่อ ที่อยู่ วันเดือนปี จำนวนเงิน และรายการที่จ่าย และผู้รับเงินได้ลงชื่อรับไว้ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นผู้รับ บริษัทฯ จึงจะมีสิทธินำหลักฐานดังกล่าวมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (18)…(กค 0802/23061 : 27 ธันวาคม 2537) ”
“กรณีบริษัทฯ มีรายจ่ายที่จ่ายไปเพื่อกิจการของบริษัท และได้รับหลักฐาน ดังต่อไปนี้ คือ
ใบรับเงิน มีชื่อ ที่อยู่ และเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับเงิน หรือ
บิลเงินสด มีชื่อ ที่อยู่ผู้รับเงิน แต่ไม่มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษี หรือ
บิลเงินสด มีการประทับตรายางที่อยู่ผู้ขาย หรือมีการเขียนชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ของผู้ขาย
ตามข้อเท็จจริงข้างต้น รายจ่ายดังกล่าวมีหลักฐานระบุชื่อที่อยู่ของผู้รับเงิน ซึ่งสามารถพิสูจน์ถึงตัวผู้รับได้ รายจ่ายดังกล่าวข้างต้น จึงไม่เข้าลักษณะรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (18) ...(กค 0802/10093 :14 มิถุนายน 2537)”
“แบบฟอร์มการโอนเงินเข้าบัญชีเจ้าหนี้แต่ละรายของธนาคาร มีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ใครเป็นผู้รับเงิน และเป็นการชำระหนี้ที่เกิดจากการประกอบกิจการ หรือเนื่องจากการประกอบกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชี บริษัทลูกค้าย่อมนำแบบฟอร์มดังกล่าว มาเป็นหลักฐานการจ่ายเงินในการคำนวณกำไรสุทธิได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (18)...(กค 0812/11510 : 5 กรกฎาคม 2537)”
บุญมี...สรุปว่า หลักฐานในการบันทึกบัญชี…ไม่จำเป็นต้องมีใบเสร็จรับเงินที่สวยหรู...ขอเพียง...มี
- ชื่อ ที่อยู่ ผู้รับเงิน
- รายการของสินค้าหรือบริการ
- ข้อความระบุว่า...ได้รับเงิน และลงนามรับเงิน
เพียงเท่านี้...คุณสรรพ...ก็พร้อมจะยอมรับ...ให้นำมาหักเป็น...ค่าใช้จ่ายได้แล้ว...ซึ่งบุญมี...ก็ทำครบถ้วน...ที่สำคัญหาก...ยึดติดกับการขอใบเสร็จรับเงิน...ที่สวยสมบูรณ์ มีหวังอาการหนักกว่านี้ เพราะ เจ้าหนี้, ผู้รับเงินบางรายอยู่ต่างจังหวัด...ถนัดแต่ให้โอนเงิน...ก่อน ใบเสร็จฯ จะตามทีหลัง ซึ่งไม่รู้ว่า...ใครเสร็จใคร...เพราะมันไม่เคยเดินทางมาถึงบุญมี...แทบสักใบ
ทางออก...ของคุณสรรพ...ในครั้งนี้จึงสวยสมใจ...ทุกฝ่าย...โดยเฉพาะแสนดีที่แอบไปตกลงกับ...ยายฮาย...ว่าจะโอนเงินค่า...โชว์ตัว เข้าบัญชีธนาคาร...โดยตรง...ซึ่งบุญมีได้นำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายทุกบาท...ทุกสตางค์...ก็สามารถที่จะบันทึกบัญชีได้อย่างถูกต้อง...ปลอดภัย