ขาดร่วงเกินรอด

"ความทุกข์ไม่เคยยึดติดเรา

มีแต่เราต่างหากยึดติดความทุกข์

ความสุขไม่เคยไปจากเรา

มีแต่เราที่ไม่เคยถนอมมันไว้ในใจของเรา"

            ไม่รู้ว่าเฮียจะเล่นตัวไปถึงไหนส่งงบการเงินไปให้ดูเกือบเดือนละจะเอาอย่างไรก็ไม่บอกแถมยังนำติดตัวไปด้วย กลับจากสงกรานต์ไม่รู้ว่างบจะเละเทะแค่ไหนยังไม่ทันออกจากออฟฟิศก็เปียกไปทั้งตัวแล้ว ไม่รู้ว่าเก็บกดกับน้องใน Office มากไปหรือเปล่าพอเจอน้ำเย็นในเทศกาลสงกรานต์ทีไรยิ้มแก้มปริทุกที นี่ก็สั่งที่ฉีดน้ำมาเป็นสิบอันไม่รู้คิดว่าตัวเองเป็นแรมโบ้หรืออย่างไร

            หวังว่ากลับจากเล่นน้ำกับเด็กแถวบ้านคงได้ข้อสรุปเรื่องงบการเงินที่ส่งให้ซะที ถ้ารู้ว่างบการเงินที่ส่งให้กำไรและภาษีต่ำกว่ากำไรและภาษีที่ประมาณการไว้ตอนยื่นแบบภ.ง.ด.51กลางปี เฮียจะเจ็บแค้นเคืองโกรธหรือเปล่าไม่รู้แต่ตอนนี้หนูอยากรู้ว่าจะได้ผลกระทบจากการที่กำไรจริงน้อยกว่าที่ประมาณการแค่ไหน

            ควันหลงสงกรานต์จะเกิดหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ น้องชีหลายคนมักจะได้รับผลกระทบตอนที่ทำงบการเงินและต้องยื่นเสียภาษีประจำปีเสมอเพราะคุณสรรพ์ท่านสั่งเสีย เอ๊ยสั่งให้เสียภาษีปีละ 2 หนกลางปี 1 หน ปลายปี 1 หน ซึ่งถ้าสั่งเฉยๆ ก็คงไม่มีใครว่ายินยอมพร้อมทำตามเสมอ แต่เวลาคุณสรรพ์ท่านสั่งแล้วมักจะมีเงื่อนไขว่าต้องทำให้ถูกทุกข้อทำผิดอย่าเผลอและถ้าเผลออย่าให้ตรวจจับได้ เรื่องของการเสียภาษีกลางปีและปลายปีคุณสรรพ์ท่านกำหนดและแปะไว้ข้างฝานานมาแล้ว คือ

กลางปีจะยื่นแบบเสียภาษีมากน้อยอย่างไรไม่ว่า

ปลายปีกำไรและภาษีจะเท่าไหร่ก็สุดแท้แต่ใจ

แต่กำไรและภาษีปลายปี

ห้ามสูงกว่าประมาณการเกิน 25%

            หนูก็อยากเชื่อตามที่อาจารย์บอกนะแต่หนูกลัวจะเอาไปยันคุณสรรพ์ เอ๊ย!เอาไปยืนยันกับคุณสรรพ์ไม่ได้เพราะหนูเคยได้ยินมาว่ามีคนเคยโดนยันกลับมาด้วยข้อหา ประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกิน 25 % โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรต้องเสียเงินเพิ่มอีก 20% ของจำนวนเงินภาษีที่ชำระไว้ขาด พอโดนยันเข้าไปดอกนี้ เห็นทุกคนก้มหน้าคอตกเหมือนผีจีน กระดึ๊บไปเสียเบี้ยปรับกันทุกราย หนูไม่อยากเป็นแบบนั้น แต่ถ้าอาจารย์ยืนยันไปไหนก็ไปด้วยกันไป ให้ไปคนเดียวไม่เอาน่ะ

            ต้องให้ครูลิลลี่มาสอนภาษาไทยกับการคุยเรื่องภาษีซะหน่อยก็ดีนะ ดูปากครูลิลลี่นะ! ประมาณการขาดไปเกิน 25% มีความหมายว่า ประมาณการกำไรและภาษีไว้ต่ำกว่ากำไรและภาษีที่เกิดขึ้นจริงเกิน 25 % หากเราประมาณการกำไรและภาษีไว้ต่ำกว่ากำไรและภาษีจริงแต่ไม่เกิน 25% ก็ไม่เข้าเงื่อนไข หรือถ้าประมาณการกำไรและภาษีไว้สูงกว่ากำไรและภาษีจริงก็ไม่เข้าเงื่อนไข ไม่มีกฎหมายมาตราใดลงโทษลงทัณฑ์น้องชีของอาจารย์แล้วขอเธอย่าเป็นกังวล

            คุณสรรพ์ท่านให้เสียภาษีไว้ก่อน แต่ก็กลัวว่าจะประหยัดอดออมภาษีไว้จ่ายตอนปลายปีมากเกินไป เกิดมีปัญหาข้อขัดข้องช่วงปลายปีจะเสียภาษีกันไม่ไหว เลยแค่ดักคอไว้ก่อนว่าจะประมาณการอย่างไรไม่ว่าแต่ต้องให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง ถ้าประมาณการไว้น้อยเกินไปปลายปีกำไรและภาษีจริงสูงเกินกว่าที่ประมาณการยังพอรับได้ แต่ถ้าเกินกว่า 25% คุณสรรพ์ท่านแค่เล็งเห็นความบกพร่องโดยสุจริต แม้จะเข้าใจแต่อย่างไรก็ขอเก็บเงินเพิ่ม 20% พอให้เจ็บๆ คันๆ ปีหน้าจะได้เสียภาษีกลางปีกันเยอะหน่อย จะได้นำไปวางแผนงบประมาณกันได้คล่องคอ

            เช่น ถ้าน้องชีประมาณการภาษีทั้งปีไว้ 200,000 บาทโดยชำระภาษีครึ่งปีไว้ 100,000 บาท พอปลายปีต้องชำระภาษีเท่ากับ 500,000 บาท แบบนี้ไม่ต้องร้องหาเครื่องคิดเลขก็คำนวณได้เลยว่าเกิน 25% ชัวร์ แบบนี้ปลายปีต้องย้อนกลับมาดูว่ากำไรทั้งปี 500,000 บาท ครึ่งหนึ่งคือ 250,000 บาท ชำระภาษีกลางปีไว้ 100,000 บาท เท่ากับเสียภาษีครึ่งปีไว้ขาด 150,000 บาท ต้องชำระภาษีให้คุณสรรพ์และเสียเงินเพิ่มอีก 20% คือ 30,000 บาท

            ไม่ใช่คิดจะปรับคุณสรรพ์ก็จะปรับ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมีเหตุและมีผล ถ้าเราประมาณการภาษีไว้ดีใกล้เคียงกับความเป็นจริงก็สบายใจได้ ถ้าประมาณการขาดภาวนาอย่าให้เกิน 25% คุณสรรพ์ไม่มากวนใจแน่น้องชีทั้งหลายจงใช้วันเวลาแห่งความสุขนี้ให้เต็มที่ก่อนจะกลับมาก้มหน้าเผชิญกับความเป็นจริงในช่วงพฤษภาที่ต้องส่งงบการเงินให้ได้ตามกำหนดกันต่อ