ขาดทุนเกินประมาณการ
"ไม่มีสิ่งใดๆ ในโลกที่ดีหรือเลว
มีแต่ความคิดของเราเท่านั้น
ที่ทำให้เกิดดีและเลว"
ส่งส.ค.ส.มาให้สุขใจไปถึงสบายสบายด้วยรักผูกพันมากมาย เป็นเสียงสัญญาณที่บอกให้รู้ว่าปีใหม่ความหวังใหม่ความตั้งใจใหม่จะมาเยือน รวมถึงเป็นเสียงเพลงที่บอกให้รู้ว่าย่างเข้าสู่เทศกาลยื่นงบการเงินและยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลอีกครั้ง บรรดาชีชีทั้งหลายก็ต้องวิ่งวุ่นปั่นงบการเงินตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตขอบตายังมีร่องรอยดำคล้ำ อันเกิดจากการอดหลับอดนอนปิดงบการเงินปีก่อนยังไม่ทันจางหายรอยใหม่กำลังจะมาทับรอบเดิม
ยิ่งปีไหนคุณพี่นิดคุณพี่สรร์และคุณพี่ชีมีของขวัญปีใหม่อะไรมามอบให้เพื่อกระตุ้นความรู้ความสามารถของชีอย่างเรา ยิ่งทำให้ปีนั้นต้องปวดขมับมาตีความเพื่อนำมาปฏิบัติให้ถูกต้องไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบอกกล่าวประชุมผู้ถือหุ้น, การเปลี่ยนแปลงรายงานทางการเงิน แต่ไม่รู้ว่าทำไมยิ่งตีความก็ยิ่งงงเหมือนสองคนยลตามช่อง คนหนึ่งเห็นโคลนตมคนหนึ่งเห็นดวงดาว
ใช่เลยค่ะ เรื่องบอกกล่าวประชุมก็เรื่องนึงเอาไว้ จะมาถามในครั้งถัดไป แต่ครั้งนี้ขอถามเรื่องนี้เป็นการด่วนเพราะมีผลกระทบกับเงินในกระเป๋าหนูอย่างมาก เพราะเฮียบอกง่ายสั้นกระชับว่า ตอนประมาณการหนูก็ทำยืนยันมั่นเหมาะว่าไม่พลาด ถ้ามีอะไรก็ต้องไปรับผิดชอบควักกระเป๋าจ่ายเอง เรื่องมีอยู่ว่าตอนยื่นแบบเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลกลางปี (ภงด.51) หนูเห็นอนาคตชัดเจนเลยว่าขาดทุนแน่ เพราะยอดขายกว่า 8 เดือน ขาดทุนแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว หนูก็หวังดีไม่อยากให้เฮียเสียภาษีโดยไม่จำเป็น เลยจัดทำแบบฯ เสียภาษีกลางปีไว้ขาดทุนไม่ต้องชำระภาษีครึ่งปีแม้สักบาท
ฟ้าอาจรู้ ดินอาจรู้ แต่หนูจะไปรู้ได้อย่างไร และเชื่อว่าเฮียก็คงไม่รู้ ว่าจะขาดทุนถล่มทลายขนาดนี้ ทำให้ตอนปิดงบการเงินสิ้นปีมาเจอความเป็นจริงที่แสนปวดใจว่าขาดทุนมากกว่าที่ประมาณการไว้เกินกว่า 25% แบบนี้คุณสรรพ์จะรู้ไหมคะ เอ๊ย! คุณสรรพ์จะปรับหนูข้อหาประมาณการขาดไหม และหนูต้องจ่ายเท่าไหร่ พอมีทางลดหย่อนผ่อนโทษไหม ฝากอาจารย์พาหนูฝ่าวิกฤติในครั้งนี้ หน่อยจะเป็นพระคุณ
หากการยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.51
ประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกินกว่าร้อยละ 25
ของกำไรสุทธิโดยไม่มีเหตุอันสมควร
ต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระ
เป็นข้อความที่ปราบไม่ได้บอก แต่คุณสรรพ์บอกไว้ ถ้าน้องชีอ่านและทำความเข้าใจอย่างสงบจะพบว่าข้อความ คำว่า ประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกินกว่า 25% หมายความว่า
กำไรที่เกิดขึ้นจริงตอนยื่นแบบ ภงด. 50
มากกว่า
ประมาณการกำไรตอนยื่นแบบ ภงด. 51
ถึงจะเข้าเงื่อนไขต้องชำระเงินเพิ่ม
เงื่อนไขสำคัญอีกข้อคือ มากกว่าคุณสรรพ์ก็ยังทำใจยอมรับได้ แต่ถ้ามากกว่าเกิน 25% จะบอกว่าบกพร่องโดยสุจริต เป็นเหตุให้ยกเว้นไม่ต้องเสียเงินเพิ่มคุณสรรพ์คงยอมไม่ได้เลยกำหนดเงื่อนไขว่า หากกำไรจริงสูงกว่าประมาณการตราบใดที่ไม่เกิน 25% ไม่ว่ากันถ้าเกินก็ควักเงินไปจ่ายเงินเพิ่มจากการชำระภาษีครึ่งปีขาดไปด้วย
เรื่องราวของน้องชีเป็นเรื่องการประมาณการขาดทุน แต่พอถึงปลายปีขาดทุนมากกว่าที่ประมาณการไว้มองมุมไหนเหลี่ยมไหนก็ไม่ตรงกับเงื่อนไขประมาณการกำไรขาดไปแม้สักนิด แบบนี้จะขาดทุนบักโกรกเกินไปเป็นร้อยเป็นพันเปอร์เซ็นต์ คุณสรรพ์ท่านก็เห็นใจในความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นไม่เอาผิดเรื่องนี้แน่แต่จะไปหาสาเหตุที่ขาดทุนว่าจริงหรือมั่วชัวร์หรือไม่ก็ว่ากันไปอีกเรื่องนึง ถ้าเรื่องราวการขาดทุนตามที่เล่ามาเป็นเรื่องจริงไม่ได้ทำบัญชีผิดพลาดตามใจเฮีย ขอให้สบายใจยืดออกพกถุงบอกเฮียได้เลยว่า มีอะไรหนูเคลียร์เองเอาอาชีพนักบัญชีเป็นเดิมพัน
ตบท้ายต้องขอชื่มชมเฮียกับน้องชีของเรา เพราะเพิ่งย่างเข้าเดือนมีนาคมเองปิดงการเงินเตรียมแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ไว้ครบชุดแล้ว อยากให้ผู้ประกอบการรายอื่นๆมีความพร้อมและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ให้มากๆเหมือนเฮียของน้องจัง ไม่ใช่คิดเอาเองว่าส่งงบการเงินวันสุดท้ายวันไหนค่อยมาดูวันนั้น หรือส่งเอกสารล่วงหน้าให้สักสองสามวันก็น่าจะจบปิดงบการเงิน เห็นใจชีทั้งหลายด้วยเถอะขอบตาดำยิ่งกว่าหมีแพนด้าแล้ว งานนี้ครีมบำรุงขอบตาต้องเข้ามเป็นสปอนเซอร์กันหน่อยแล้วละ
ถ้าเรายื่นแบบภงด. 51 โดยแสดงยอดกำไรสุทธิไว้น้อยกว่ากำไรที่เกิดขึ้นจริงตอนปลายปี
Q14 : บริษัทยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.51 โดยประมาณกำไรสุทธิไว้สูงไป บริษัทต้องรับผิดเงินเพิ่มหรือไม่
A14 : ไม่ต้องรับผิดเงินเพิ่ม
A17 : ให้นำกำไรสุทธิจริง ลบด้วยประมาณการกำไรสุทธิได้เท่าไร นำผลลัพธ์คูณด้วย 100 หารด้วยกำไรสุทธิจริง มีดังนี้
ตัวอย่าง บริษัทประมาณการกำไรสุทธิไว้ 70,000 บาท ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้จำนวน 5,000 บาท
แต่กำไรสุทธิที่บริษัทยื่นรายการตามแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.50 และชำระภาษีเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี 100,000 บาท ประมาณการกำไรสุทธิของบริษัทขาดเกินกว่าร้อยละ 25 หรือไม่
วิธีการคำนวณ
กำไรสุทธิจริง 100,000 ประมาณการกำไรสุทธิ 70,000 = ประมาณการขาด 30,000
กำไรสุทธิ 100 ประมาณการกำไรสุทธิขาดไป = 30,000*100/100,000 = 30
ดังนั้น ถือว่าประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกินกว่าร้อยละ 25
Q19 : ยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.51 กรณีใด ถือว่าเข้าเหตุอันสมควรตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.152/2558ฯ
A19 : (1) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ได้จัดทำประมาณการกำไรสุทธิและยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีครึ่งปีไว้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการ เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้ว
(2) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ได้จัดทำประมาณการกำไรสุทธิซึ่งได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่ได้กระทำหรือจะได้กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น ไม่น้อยกว่ากำไรสุทธิ ที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้ว แต่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีครึ่งปีไว้น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้ว เนื่องจากได้รับยกเว้นหรือลดอัตราภาษี
|
|
|
รู้ก่อนลุย!!
มาตรา 67 ตรี ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ไม่ยื่นรายการและชำระภาษีตามมาตรา 67 ทวิ (1) หรือยื่นรายการและชำระภาษีตามมาตรา 67 ทวิ(1) โดยแสดงประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกินร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ ซึ่งได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น โดยไม่มีเหตุอันสมควร บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระตามมาตรา 67 ทวิ (1) หรือของกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินภาษีที่ต้องเสียในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น หรือของภาษีที่ชำระขาด แล้วแต่กรณี
|
#ภงด.51 #ภงด.50 #ประมาณการกำไรขาดทุน #ประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกิน 25% #ภาษีเงินได้นิติบุคคล #กำไรสุทธิทางภาษี #เบี้ยปรับเงินเพิ่ม #ยื่นแบบภาษีเงินได้ครึ่งปี #กำไรจริงสูงกว่าประมาณการ #ขาดทุนจริงสูงกว่าขาดทุนตามประมาณการ
|