ผ่อนนาน
เจียมเพราะจนเป็นคนอย่างข้า เกิดเป็นราชาเงินผ่อนเมืองไทย จากการที่น้าแอ๊ดแกชี้ช่องให้เห็นว่าตลาดสินค้าเงินผ่อนมันใหญ่ไม่ใช่น้อย แถมเป็นการช่วยเหลือให้คนได้ในสิ่งที่อยากได้โดยไม่ต้องรอนาน ลำเค็ญจึงเตรียมที่จะเปิดตลาดขายสินค้าเงินผ่อน เพื่อจะได้ระบายสินค้าอย่างรวดเร็ว ขณะที่เงินก็จะค่อยๆ ไหลมาเทมาตามกำหนดนัด เอ่อแบบนี้ถือว่าเป็น Passive Income ได้ไหมเนี่ยเห็นเค้าฮิตกัน
เฮ้อ! อยู่ดีไม่ว่าดีซะแล้วลำเค็ญของเรา ลำพังขายสินค้าเป็นเงินเชื่อก็ปวดตับอยู่แล้วต้องลุ้นว่าลูกค้าจะมาจ่ายเงินตามนัดหรือเปล่า แถมยังต้องหาเงินทุนมาเพื่อรองรับการขายวันนี้และได้เงินวันหน้า นี่เล่นจะมาขายผ่อนชำระอีกสงสัยเคยได้ยินมาว่า High Risk High Return แน่ๆ เลย
เรื่องนี้แสนดีไม่ต้องห่วง เมื่อเสี่ยงมากก็ต้องเสียวมากเอ๊ยก็ต้องบวกกำไรมาก คุ้มกว่าดอกเบี้ยแน่ๆ แม้จะมีหนี้สูญบ้างแต่เชื่อว่ากำไรที่ได้เพิ่มมาคุ้มเจงๆ แต่ตอนนี้สงสัยว่าสินค้าที่ขายผ่อน มันยังเป็นสินค้าของเราอยู่ลูกค้าชำระเงินครบเมื่อไหร่เราถึงจะโอนกรรมสิทธิ์ให้ หากผ่อนไม่ครบขาด 3 งวดเมื่อไหร่มียึด อย่างนี้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มยังไง
ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เลยนะเนี่ยที่จะทำอะไรแล้ว คิดถึงผลกระทบด้านภาษีก่อนลงมือ แบบนี้ต้องให้รางวัลให้สบายใจว่า การขายสินค้าเงินผ่อนที่ยังไม่โอนกรรมสิทธิ์ให้กับผู้ซื้อในวันที่ส่งมอบ จุดรับผิดทางภาษีเกิดขึ้นเมื่อ
- ถึงกำหนดชำระราคาตามงวดที่ถึงกำหนดชำระราคาแต่ละงวด หรือ
- เมื่อได้รับชำระราคา หรือ
- เมื่อออกใบกำกับภาษี
อ่านดีๆ นะถ้าอ่านดีจะได้ดีอ่านไม่ดีจะได้เรื่อง เพราะการขายสินค้าผ่อนชำระเมื่อถึงกำหนดชำระเงินแต่ละงวด ลำเค็ญต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มรวมถึงออกใบกำกับภาษีตามปกติ เพราะจุดรับผิดทางภาษีได้เกิดขึ้นแล้ว
ปักหมุดให้แน่นๆ ว่า
ได้รับเงินหรือไม่ได้รับเงินตามงวดผ่อนชำระ = นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม
ต้องแยกกันให้เด็ดขาดระหว่างใบกำกับภาษีกับใบเสร็จรับเงิน เพราะเมื่อจุดติด เอ๊ยจุดความรับผิดทางภาษีเกิดก็ต้องออกใบกำกับภาษีส่งมอบ ส่วนใบเสร็จรับเงินเมื่อยังไม่ได้รับเงินก็อย่าไปส่งมอบ อย่าไปมัดรวมกันแล้วจะใช้ใบกำกับภาษีเป็นหลักประกันว่าหากไม่จ่ายก็ไม่ให้ไปขอคืนเด็ดขาด เดี๋ยวจะต้องมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าสิหาว่าบ่เตือน
ด้วยรัก
แสนดี