4 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนแจกทองให้พนักงานวันปีใหม่
สวัสดีๆๆๆ สวัสดีปีใหม่ เป็นช่วงเวลาที่บทเพลงแห่งความสุข และช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองใกล้จะเวียนมาถึงอีกครั้ง ทำให้หลายบริษัทเตรียมตัวส่งท้ายปีเก่าที่อยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น ใช่ครับขาขึ้น เพราะถามใครต่อใครก็ได้ข้อสรุปตรงกันว่าขาขึ้นมาก่ายหน้าผากกันเป็นแถวๆ แม้ว่าจะมีโปรช็อปช่วยชาติแต่หลายบริษัทก็ไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรเลย อาจจะเพราะไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเนื่องจากรายได้ยังไม่ถึงเกณฑ์ หรืออาจจะเป็นเพราะประกอบธุรกิจที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่นจำหน่ายหนังสือ นิตยสาร เอิ่มแบบนี้ไม่ส่งเสริมแต่พอเป็นธุรกิจของเสี่ยอ่างกลับได้รับสิทธิ เฮ้อ!
เรื่องเศรษฐกิจก็ว่ากันไป แต่เรื่องโบนัส ปรับเงินเดือน หรือฉลองปีใหม่ คงต้องคิดให้ละเอียดว่าจะให้หรือจะจัดเลี้ยงปีใหม่หรือไม่ แต่ประเมินว่าหากไม่เลี้ยงมีหวังถูกบ่นยันสิ้นปีหน้าแล้ว เมื่อคิดละเอียดรอบคอบแล้วคงต้องจัดเลี้ยงปีใหม่กันละ แค่นั้นยังไม่พอลูกน้องผู้มีพระคุณแอบส่งราคาทองคำมากระตุ้นเป็นระยะๆ นัยว่าจะให้ซื้อมาให้พนักงานจับฉลากเพื่อแจกทอง หรืออาจจะมอบให้พนักงานดีเด่นประมาณนี้ สืบราคาแล้วราคาทองรูปพรรณมูลค่า 20,000 บาท ค่ากำเหน็จ 200.- (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) แต่ก่อนจะควักเงินจ่ายคงต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า จะมีภาษีอะไรเกี่ยวข้องบ้างเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน
1. แจกทอง หักเป็นรายจ่ายของกิจการได้
บริษัทใจดีแจกทองให้ ก็ควรนำมูลค่าของทองคำที่ซื้อมาแจกให้พนักงานในงานปีใหม่มาหักเป็นรายจ่ายได้ แต่การมอบทองหรือของรางวัลอื่นๆ จะต้องมีเงื่อนไขว่า
ระบุในระเบียบสวัสดิการของพนักงาน
พนักงานทุกคนต้องได้รับโดยเท่าเทียมกัน
หากทำได้แบบนี้จะได้ไม่มีประเด็นปัญหาถูกบวกกลับในภายหลัง เพราะถือเป็นรายจ่ายเกี่ยวกับกิจการไม่ต้องห้ามในการคำนวณภาษี
ระเบียบก็ต้องระบุ พนักงานทุกคนต้องมีสิทธิได้รับโดยทั่วถึงกันด้วยนะ เช่นหากอายุงานครบ 5 ปี ได้รับทองคำ พนักงานที่อายุงานครบกำหนดตามเงื่อนไขก็ต้องได้รับกันทุกคน หากเป็นการจับฉลากปีใหม่พนักงานทุกคนก็มีสิทธิได้ลุ้นมีชื่อที่จะถูกจับฉลากด้วย แต่ได้หรือไม่ได้ก็ว่ากันไปแล้วแต่โชควาสนา
2. แจกทอง ต้องภาษีหัก ณ ที่จ่าย
แม้พนักงานจะไม่ได้รับเงิน แต่ทองคำที่แจกสามารถคำนวณมูลค่าเป็นตัวเงินได้ และทองคำที่แจกให้พนักงานในเทศกาลงานปีใหม่เป็นรายจ่ายจากการทำงานให้บริษัท
ถือเป็นประโยชน์เพิ่มของพนักงาน
เป็นเงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน ตามมาตรา 40(1) แห่งประมวลรัษฎากร
ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50(1) แห่งประมวลรัษฎากร
หลังจากยินดีปรีดา เซลฟี่ ถ่ายรูปกันจนหนำใจแล้ว อย่าลืมนำมูลค่าทองคำที่แจกมารวมเป็นเงินได้ และหักภาษี ณ ที่จ่ายกันให้ครบถ้วนด้วยนะเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน แต่ถ้าพนักงานมีเงินได้รวมทองคำแล้วเฉลี่ยไม่เกิน 26,000 บาทต่อเดือนก็จะโชคดีไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายจากทองคำที่ได้รับ เพราะหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 (1) คือหักอัตราก้าวหน้า ไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี เอ แบบนี้จะเรียกว่าโชคดีได้ไหมหว่า!
3. พนักงานได้รับทองคำ ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
แม้จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายกันไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะหมดกรรมหมดเวร เพราะพนักงานผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลต้องมูลค่าของรางวัลที่ได้มารวมคำนวณ เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในเดือนมีนาคมปีถัดไปอีกต่างหาก
งานนี้ต้องแยกกันระหว่างค่าใช้จ่ายในการจัดงานปีใหม่ ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร, ค่าเครื่องดื่ม, ค่าจัดการแสดง, ค่าเช่าสถานที่ แม้จะเป็นประโยชน์เพิ่มที่พนักงานได้รับเหมือนกันแต่
ค่าอาหาร, ค่าเครื่องดื่ม, ค่าจัดการแสดง, ค่าเช่าสถานที่
เป็นเงินได้จากการให้โดยเสน่หาตามขนบธรรมเนียมประเพณี
ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีบุคคลธรรมดา
แต่ของรางวัลที่แจกให้พนักงานดีเด่นหรือรางวัลจากการจับฉลากชิงโชคชิงรางวัล ถือเป็นเงินได้หรือประโยชน์เพิ่มจากการทำงาน ไม่เข้าลักษณะเป็นเงินได้ที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี ตามมาตรา 42(10) แห่งประมวลรัษฎากร อย่าลืมนำไปรวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีประจำปีด้วยนะคร้าบ
โชค 2 ชั้น ถ้าพนักงานที่ได้รับทองคำ ไปคำนวณแล้วเงินได้ไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีก็รับทองคำเข้ากระเป๋าฟรีๆ เงินได้ก็ไม่ต้องเสีย เย้
4. ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีซื้อ
มูลค่าของทองที่บริษัทฯ ซื้อมาเพื่อมอบให้กับพนักงานดีเด่น หรือให้พนักงานจับรางวัลในงานเลี้ยงพนักงานประจำปี ฯลฯ ภาษีซื้อดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นภาษีซื้อสำหรับรายจ่ายสวัสดิการพนักงาน เป็น
ภาษีซื้อสำหรับรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการ
สามารถนำไปเป็นภาษีซื้อเพื่อหักภาษีขายได้
ถือเป็นภาษีซื้อไม่ต้องห้ามตามมาตรา 82/5 (3) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 17)
ภาษีขาย
การมอบทองคำ หรือของขวัญให้แก่พนักงาน ถือเป็นการขายสินค้าตามมาตรา 77/1 (8) แห่งประมวลรัษฎากร จึงต้องมีภาระ “ภาษีขาย” โดยมีแนวทางปฏิบัติดังนี้
ไม่ต้องออกใบกำกับภาษี
ต้องนำรายการดังกล่าวไปบันทึกรายงานภาษีขาย เพื่อรวมคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระในเดือนภาษีดังกล่าว
ภาษีขาย คำนวณจากมูลค่าต้นทุนที่ซื้อ
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มฉบับที่ 40
ข้อ 2 (10) ผู้ประกอบการจดทะเบียนจำหน่าย จ่าย โอนสินค้า โดยไม่มีค่าตอบแทน และไม่ได้เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อสินค้าตามมาตรา 82/4 แห่งประมวลรัษฎากร ถือเป็นการขายสินค้าตามมาตรา 77/1(8) แห่งประมวลรัษฎากร ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อมีการส่งมอบสินค้าตามมาตรา 78(1) แห่งประมวลรัษฎากร
ข) บริษัท ข.จำกัด ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์และชิ้นส่วนยานพาหนะ บริษัทฯมีข้อบังคับและประกาศจ่ายรางวัลสำหรับพนักงาน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำงานติดต่อกันโดยไม่หยุดงาน เช่น ทำงานมา 5 ปี ได้ทองคำหนัก 2 บาท ทำงานมา 4 ปี ได้ทองคำหนัก 1 บาท
บริษัทฯมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากมูลค่าของทองคำที่นำไปแจกเป็นรางวัล
ยืนยันว่า จะนำเฉพาะค่ากำเหน็จไปเป็นฐานในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม เหมือนร้านทองอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจไม่ได้ เพราะกฎนี้ เค้ายกให้กับ ผู้ประกอบการค้าทองตามกฎหมายเท่านั้นจ้า
“(14) มูลค่าของทองรูปพรรณที่ขายเป็นจำนวนเท่ากับราคาทองรูปพรรณที่สมาคมค้าทองคำประกาศรับซื้อคืนในวันที่ขายทองรูปพรรณ ทั้งนี้ เฉพาะผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการขายทองรูปพรรณซึ่งมีใบอนุญาตค้าของเก่าตามกฎหมายว่าด้วยการค้าของเก่า
ทองรูปพรรณตามวรรคหนึ่ง หมายความว่า ทองคำที่ทำสำเร็จเป็นเครื่องประดับกาย เครื่องแต่งกาย ของชำร่วย หรือสิ่งของต่าง ๆ ที่มีไว้เพื่อโชว์ ทั้งนี้ ต้องไม่มีอัญมณีประกอบอยู่ด้วย
ทองรูปพรรณตามวรรคสอง หมายความรวมถึงนากที่สามารถคำนวณราคารับซื้อคืนได้ตามส่วนของราคาทองรูปพรรณที่สมาคมค้าทองคำประกาศรับซื้อคืน”
งานนี้เงินเดือนจะสูง หรือจะต่ำไม่เกี่ยงขอลุ้นรับโชคด้วยคน แต่คงต้องขอไปให้หลวงพ่อ เกจิอาจารย์ดังๆ ทั้งหลายเสกเป่ากระหม่อมกันหน่อย เผื่อจะโชคดีได้รับรางวัลกับเข้าบ้าง แม้ทองจะราคาตกไปนิดนึง แต่ก็บาทละสองหมื่นเข้าไปละ มีเงินค่าเทอมลูกอีกปีละ หลวงพ่อช่วยลูกด้วย
ด้วยรัก
มือปราบภาษี
ติดตามบทความ สาระความรู้ด้านบัญชี ภาษี การเงิน หลักสูตรอบรมที่หลากหลาย และ application ช่วยในการทำธุรกิจที่โดนใจ ใช้ประโยชน์ได้จริงที่